สัมภาษณ์ แทคยอนXนิชคุณ VOGUE MAGAZINE 

                                                                                 
คุณ: หลังจากที่ผมมาเกาหลี ผมเริ่มเรียนการร้องเพลงและการเต้น รวมถึงเริ่มเรียนภาษาเกาหลีด้วย แต่แทคจะคอยอยู่ข้างผมเสมอ คอยช่วยแปลให้ผม
แทค: มันเหมือนกับว่า คุณจะอยู่ตรงนั้นไม่ว่าแทคจะทำอะไร และแทคจะอยู่ตรงนั้นสำหรับทุกๆ สิ่งที่คุณทำ 
คุณ: แม้กระทั่งบรรดาสตาฟในบริษัทเองก็รู้ว่าพวกเรามักจะคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งนั่นไม่ช่วยในการพัฒนาด้านภาษาเกาหลีของเราเลย เป็นแบบนี้มาตลอด 3 ปี
แทค: ในช่วงแรก สตาฟของบริษัทบอกว่า “แทค ขอบใจมากนะที่คอยช่วยเขาแปล”
คุณ: แต่หลังจาก 2 ปี พวกเราเริ่มจะโมโห และพูดว่า “แทค นายไม่ได้รับอนุญาตให้พูดภาษาอังกฤษกับเขานะ อย่าเข้าใกล้คุณ”
แทค: ผมก็เลยรู้สึกว่า “อ๊ะ ทำไมผมถึงผิดล่ะ?”
======

แทคเคยเล่นแบดมินตันกับคุณแค่ครั้งเดียว ตอนที่แทคเล่นเขาตะโกนไปด้วยว่า เขาไม่อยากจะวิ่งเก็บลูกขนไก่ไปทั่วหรอกนะ

======
แทคจะต้องไปโรงเรียน ดังนั้นเขาจึงตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 7 โมงทุกเช้า แต่แทคไม่ตื่น คุณไปปลุกเขาแต่แทคก็ยังไม่ตื่นอยู่ดี สุดท้ายทุกๆ วัน คุณก็คือคนที่จะต้องเดินไปปิดนาฬิกาปลุกของแทค..จนกระทั่งตอนนี้คุณยังคงจำเสียงนาฬิกาปลุกนั้นได้อยู่เลย
======

อะไรที่พวกคุณคิดว่าพวกคุณเปลี่ยนไป และอะไรที่ยังคงเหมือนเดิม?

คุณ(พูดถึงแทค) : เขายังคงฉลาดเหมือนที่เขาเป็นแต่ก่อน ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้น ส่วนสูงยังคงเหมือนเดิม เขาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความเป็นมืออาชีพที่สูงขึ้น…และ…ตอนนี้เขาสามารถตื่นตอน 7 โมงเช้าได้แล้ว

======
แทค: เวลาที่พวกเรามีคอนเสิร์ต ครอบครัวของพวกเราก็จะไปด้วย ครอบครัวของทุกคนก็จะมาทานข้าวด้วยกัน
คุณ: แล้วครอบครัวของเขาก็จะคอยแปลให้กับครอบครัวของผมครับ (หัวเราะ)

======
พวกคุณจะยังคงเป็นเพื่อนกันไปแบบนี้หลังจาก 10 หรือ 20 ปีผ่านไป?
แทค: แน่นอนครับ!
คุณ: แน่นอนครับ พวกเราจะไปเที่ยวด้วยกัน หรือทำอะไรอย่างอื่นกับครอบครัวของเราทั้งสองฝ่าย
แทค: ฮ่าฮ่าฮ่า
คุณ: “นี่ลูกชายฉัน! และนี่ลุงแทคยอน!” ผมจินตนาการได้ถึงการแนะนำตัวกันเลยล่ะ 

เพื่อนผ่านเสียงเพลง (Friends in Song) เด็กหนุ่มทั้งสองที่ไม่เหมือนใคร

แทคยอน และ นิชคุณ แห่ง 2PM นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะพูดถึงมิตรภาพที่มีให้กัน

แทคยอนเป็นคนเกาหลีที่เติบโตที่บอสตั้น ในขณะที่นิชคุณนั้นเป็นคนไทย และเติบโตที่แคริฟอร์เนีย

มิตรภาพของคนสองคนที่สนับสนุนดูแลกันและกันมาตั้งแต่อดีต จนถึงอนาคต 

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะแชร์รายละเอียดของมิตรภาพของพวกเขาผ่านการถ่ายแบบ 

พวกเขาจะพูดถึงความยากลำบาก และ ประสบการณ์ครั้งยังเป็นเด็กฝึก จนถึงเรื่องอนาคต การแต่งงาน และอีกหลายเรื่องราว

“เพื่อเป็นการตอบแทนแฟนๆที่สนับสนุนผม นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเขียนเพลงเป็นครั้งแรก” – นิชคุณ

“อัลบั้มใหม่จะสะท้อนความคิดและการคัดสรรของพวกเราอย่างแท้จริง” – แทคยอน

เมมเบอร์ทั้ง 6 ของ 2PM ลง Vogue ครั้งแรกเมื่อฉบับเดือนสิงหาคม 2011

การถ่ายแบบครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่โตเกียว หลังจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ผู้มีชื่อเสียงและดาราหลายคนเลื่อนกิจกรรมในประเทศญี่ปุ่นออกไป แต่ 2PM เป็นกลุ่มแรกๆที่กลับมาทำกิจกรรม

ท่าโพสที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้าเป็นคอนเซ็ปที่ได้วางไว้เมื่อหนุ่มๆอยู่หน้ากล้อง ภาพถ่ายที่ดูมีชีวิตชีวาทำให้เป็นที่สนใจของหลายๆคนและได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้อ่าน

หลังจากนั้น ผ่านมา 2 ปีแล้ว ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่น แต่เอเชีย และ ทั่วโลกต่างผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมาย

ในเวลาเดียวกัน เมมเบอร์ทั้งหมดก็ได้เติบโตขึ้นด้วย

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซิงเกิ้ลเพลงลำดับที่ 5 “Masquerade” ได้วางแผง แทบจะในทันใด ซิงเกิ้ลนี้ก็ได้รับประกาศนียบัตรระดับทอง (Gold Status) จากสมาคมแผ่นเสียงญี่ปุ่น

เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา พวกเขาเริ่มต้นคอนเสิร์ตอารีนาทัวร์ และในวันที่ 20-21 เมษายน พวกเขาจะมีคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดมเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ “Legend of The 2PM Tokyo Dome”

One Point Hangul ทางช่อง NHK ก็เป็นรายการที่ประสบความสำเร็จ นี่เป็นการที่ทำให้ 2PM เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับประเทศ

แทคยอน และ นิชคุณ เมมเบอร์ของ 2PM ทั้งสองคนนี้ต่างเติบโดที่อเมริกา

มาเกาหลีตอนอายุ 18 และตอนนี้พวกเขาอายุ 24 ได้กลายเป็นสตาร์ที่ร้อนแรงที่สุด ผู้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแฟนๆทั้งในเกาหลี ญี่ปุ่น จีน และ ทั่วเอเชีย

เด็กหนุ่ม 2 คนที่ใช้ชีวิตอย่างเด็กสามัญธรรมดาในอเมริกา แต่ตอนนี้พวกเขามีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้นในแวดวงบันเทิงของเอเชีย พวกเขามีมุมมองกับเรื่องนี้เช่นไร?

คอนเซ็ปการถ่ายแบบในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นอย่างไรเมื่ออยู่หลังกล้อง ในบรรยากาศที่สบายๆ เราจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา

———————– 
Q : ได้ยินมาว่าอัลบั้มใหม่ที่จะวางแผงในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นั้นยังอยู่ระหว่างการบันทึกเสียง
แทคยอน : รู้สึกดีมากเลยครับ อัลบั้มใหม่จะสะท้อนความคิดและการคัดสรรของพวกเราอย่างแท้จริง
นิชคุณ : อัลบั้มจะประกอบไปด้วยเพลงโซโล่ของเมมเบอร์ทุกคน ซึ่งได้เขียนด้วยตัวเอง

                                                                                       

Q : แต่งเพลงเอง?

นิชคุณ : ครับ เป็นการขอบคุณแฟนๆที่สนับสนุนและรักผมมาตลอด ผมคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรที่จะตอบแทนพวกเขา อยู่ดีๆก็คิดขึ้นมาได้แล้วก็นั่งลงที่เปียโนทันที และเพลงนี้ก็ได้ถูกแต่งขึ้น

แทคยอน : ผมเริ่มจากจังหวะก่อน แล้วค่อยเพิ่มส่วนของเนื้อร้องเข้าไป ไม่ได้มานั่งคิดหรือมานั่งหน้าเปียโนเลยครับ (หัวเราะ) โอ้ ใช่ ผมเขียนเนื้อร้องด้วย

นิชคุณ : เนื้อร้องของผมเป็นภาษาอังกฤษ อย่างแรกเลย ภาษาอังกฤษคือภาษาที่ผมสามารถบรรยายความรู้สึกของผมออกมาได้ และ ผมสามารถส่งข้อความนี้ไปสู่แฟนๆทุกคนได้ด้วย ระหว่างคอนเสิร์ตอารีนาทัวร์ พวกเราจะแสดงเพลงโซโล่ที่แตกต่างกันไป กรุณาติดตามด้วยครับ
——————————

Q : จากอเมริกามาเกาหลี – เพื่อที่จะมาลองโอกาสใหม่ในชีวิตของพวกคุณ – พวกคุณเจอกันเมื่อไหร?

นิชคุณ : หลังจากที่ถูกทาบทามโดยทีมงาน และมาเกาหลีเป็นครั้งแรก ในเวลานั้น พวกเราอายุ 18 ปี ผมไม่รู้ภาษาเกาหลี และแทคก็เป็นล่ามให้ เขาเป็นทั้งเด็กฝึกและล่ามของผม จนแล้วจนรอด เขาก็ไม่ได้ขอค่าธรรมเนียมการแปลซะด้วยซ้ำ น่าสงสารจริงๆ (หัวเราะ)

แทคยอน : และเป็นรูมเมทด้วย เมื่อเราเจอกันครั้งแรก ผมนึกว่าเขาเป็นคนเกาหลี และทักทายด้วย “อันยองฮาเซโย” แล้วผมก็ แบบว่า … เอ่อ ทำไมไม่ตอบล่ะ?

นิชคุณ : ฮ่าๆๆ ตอนนั้นแทคยังใส่แว่นอยู่เลย

แทคยอน : และทรงผมของคุณตอนนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่า “นั่นมันทรงอะไรกันเนี่ย?” เป็นผมตรงและตั้งขึ้น (หัวเราะ)

นิชคุณ : อ่า .. มันน่าอายจัง .. เพราะว่าตอนนั้นผมคิดว่าทรงนั้นทำให้ดูเด็กน่ะ
———————————

Q : คุณเป็นเด็กแบบไหนเมื่อตอนที่พวกคุณอยู่อเมริกา?

นิชคุณ : ผมเป็นเด็กแคริฟอร์เนียแบบสบายๆ

แทคยอน : ผมอยู่บอสตั้นตอนนั้น

นิชคุณ : แทคเป็นเด็กที่คงแก่เรียน
————————

Q : ชอบที่จะเรียนหรอคะ?

แทคยอน : ใช่ครับ!

นิชคุณ : ใช่ครับ แทคเป็นคนที่ฉลาดมาก ถึงแม้ว่าเราจะพูดกันถึงเรื่องอื่นที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แทคก็สามารถโยงเข้ามาให้เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ และ ประวัติศาสตร์ได้

แทคยอน : ความสนใจของผมมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับยุคสมัยหรือช่วงใดช่วงหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ผมสนใจในประวัติศาสตร์ของโลก และได้อ่านหนังสือประวัติศาสตร์มาเยอะมากในอดีต

นิชคุณ : แทนที่จะเป็นพวกที่ชอบเก็บตัว ผมเป็นพวกที่ชอบกีฬา ผมเริ่มเล่นแบตมินตั้นเมื่ออาย 9 ขอบ แล้วก็ลงแข่งขันด้วย เป็นพ่อของผมครับที่แนะนำให้ผมเล่นแบตมินตั้น

แทคยอน : เขาเล่นได้ดีเลยล่ะ

นิชคุณ : เราเคยเล่นแบตฯด้วยกันครั้งนึง

แทคยอน : ผมวิ่งพล่านไปทั่วเลยเพราะต้องคอยไล่ตามทิศทางของลูกขนไก่ ตอนนั้นเราเล่นอะไรอย่างนี้กันได้ไงเนี่ย! มันก็แค่นั้น (หัวเราะ)

นิชคุณ : แบตมินตั้นไม่ได้เล่นง่ายๆเหมือนที่ทุกคนคิด
————————–

Q : จากอเมริกา กลับมาเอเชีย มันทำให้พวกคุณรู้สึกอึดอัดบ้างไหม?

แทคยอน : ตอนแรก ผมก็ไม่ได้คิดว่า “ทำไปจนกระทั่งถึงที่สิ้นสุด” จะเป็นประมาณ “เก็บเกี่ยวเรียนรู้ประสบการณ์” ซะมากกว่า แต่หลังจากได้เดบิวแล้วนั้นก็กลายเป็น “โอเค งั้นทำไปจนกระทั่งถึงที่สิ้นสุด” เลยแล้วกัน
————————–

                                                                                  

Q: ถ้าคุณไม่ใด้มาเป็น 2PM คุณคิดว่าคุณจะทำอะไรที่บอสตั้น?

นิชคุณ : ผมว่าเขาคงเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย

แทคยอน : อะไรนะ? (หัวเราะ)

นิชคุณ : ด้วยอายุที่น้อย แค่ 24 ปี

แทคยอน : ผมไม่ฉลาดขนาดนั้น! แต่ผมรักที่จะเรียนนะ และ คงจะเรียนต่อไปเรื่อยๆ เรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แล้วก็เบนเข็มมาทางการสอน

นิชคุณ : ผมไม่รู้ว่าผมจะทำอะไร แต่ผมมีความคิดที่จะเป็นครูสอนเปียโน
—————–

Q: ความทรงจำในช่วงเป็นเด็กฝึก?

นิทคุณ : การที่ทำให้แทคตื่นนอนให้ได้ในตอนเช้าทุกเช้า (หัวเราะ) เพราะว่าเขาต้องไปโรงเรียน นาฬิกาปลุกปลุกตอน 7 โมงเช้า แต่เขาก็ไม่เคยจะลุก ในที่สุด ผมต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกของเขา (เหมือนว่าจะเป็นเพลงสำหรับเด็ก)

แทคยอน : ทา-ลาลาลา (หัวเราะ)

นิชคุณ : ผมจะพูดว่า “แทค แทค” และถึงจะพูดแล้ว เขาก็ยังไม่ตื่น ในที่สุดผมก็ต้องเป็นคนปิดเสียงนาฬิกาปลุกทุกเช้า แล้วมันก็เช้ามากๆ ..!

แทคยอน : นั่นก็เป็นเพราะผมลุกไม่ขึ้นในตอนเช้า…
—————-

Q: รู้สึกว่า ‘มิตรภาพ’ นี้จะพัฒนาขึ้นมากไปกว่านี้ไหม?

นิชคุณ : ความสัมพันธ์ก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

แทคยอน : เราไม่เคยทะเลาะกัน

นิชคุณ : ถึงแม้ว่ามันจะมีบางเวลาที่เราโกรธกัน เราก็จะแค่พูดว่า “นายนั่นแหล่ะที่ผิด!” แต่ไม่เคยมีทะเลาะกัน

แทคยอน : ใช่
————————

Q: อย่างเช่นอะไรบ้าง? 

นิชคุณ : อย่างเช่นในชั่วโมงเรียนเต้น
—————

Q: พวกคุณเคืองกันด้วยเรื่องแบบนี้?

นิชคุณ : มันเหมือนกับว่าช่วยกันพัฒนาท่าเต้นมากกว่า บางครั้งก็จะเป็นความรู้สึกประมาณว่า “ฉันคิดว่าฉันเต้นได้ไม่เลวเลยนะเนี่ย”

แทคยอน : ฮ่าาา .. แต่เขาจะเป็นคนที่เข้มงวดเรื่องความสะอาดของห้องมากๆ แล้วก๊ชอบพูดว่า “เงียบหน่อย เงียบหน่อย”

นิชคุณ : ใช่ๆ 

แทคยอน : และเขายังเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก เขาจะพูดว่า “เราต้องซีเรียสกับมันนะ” ถ้าย้อนเวลาได้ พวกเราจะทำงานให้หนักกว่านี้

นิชคุณ : หลังจากได้ภาษาเกาหลีแล้ว เราก็เริ่มฝึกร้องเพลง และ เต้น เรียนภาษาเกาหลี แต่แทคจะคอยอยู่ข้างผมเสมอ คอยช่วยแปล

แทคยอน : ใช่ มันเป็นความรู้สึกแบบ 1+1

นิชคุณ : 1+1 (หัวเราะ)

แทคยอน : เหมือนกับ เมื่อมีแทคก็จะมีนิชคุณ และเมื่อมีนิชคุณก็จะมีแทค ประมาณนั้น

นิชคุณ : เมื่อเป็นแบบนี้ สต๊าฟในบริษัทจะคอยเตือนเรา เราจะพูดกันเป็นภาษาอังกฤษเมื่ออยู่ด้วยกัน นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมภาษาเกาหลีของผมถึงไม่พัฒนา เป็นอย่างนี้อยู่ 3 ปี และนี่ก็เป็นสาเหตุผมว่าทำไมพวกเขาถึงห้ามไม่ให้พวกเราพูดกันเป็นภาษาอังกฤษ

แทคยอน : ตอนแรก พวกเขาพูดว่า “ขอบคุณนะที่ช่วยแปลให้”

นิชคุณ : และก็เป็นอย่างนี้มา 2 ปีจนกระทั่งพวกเขาเริ่มพูดกับแทคว่า “อย่าพูดภาษาอังกฤษกับเขา ห้ามเข้าใกล้นิชคุณ!” (หัวเราะ)

แทคยอน : ผมก็เหมือนกับว่า .. เอ่อ .. ผมทำอะไรไม่ดีลงไปหรอ? (หัวเราะ)
—————–

Q: ถ้าย้อนเวลาได้ คุณจะไปเปลี่ยนอะไร?

นิชคุณ : ผมจะพยายามให้มากขึ้นในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเต้น ร้องเพลง ภาษาเกาหลี … ทุกอย่างเลย

แทคยอน : พยักหน้า

นิชคุณ : เมื่อตอนนั้น เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต

แทคยอน : ผมจะทำงานให้หนักขึ้น ตอนนั้น ถ้ามีเพลงใหม่หรือท่าเต้นใหม่ เราจะใช้เวลาซ้อมซ้ำๆอยู่ 1 เดือน และก็จะมีการทดสอบ พูดง่ายๆคือเราใช้เวลา 1 เดือนเรียนท่าเต้นท่าเดียว แต่ตอนนี้ เราต้องจำท่าเต้นใหม่ๆให้ได้ภายในไม่กี่วัน และเพราะว่าเราต้องออกรายการโทรทัศน์ด้วย เราต้องแน่ใจว่าทุกอย่างต้องเพอร์เฟ็ก ในสมัยก่อนนั้นเราสบายๆกันมาก เราจะคิดกันเสมอว่า มีเวลาอีกตั้งเดือนนึงแน่ะ
——————

                                                                                       

Q: อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนไปในตัวของคุณแต่ละคน และ อะไรที่ยังคงเหมือนเดิม?

นิชคุณ : สมองและความมีไหวพริบของเขายังคงเหมือนเดิม แต่ร่างกายเขาใหญ่ขึ้น

แทคยอน : เพราะว่ามีเวลาไม่มากพอที่จะเทรน เอ่อ… 

นิชคุณ : โครงสร้างและส่วนสูงของเขายังคงเท่าเดิม แต่เขามีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่ผ่านมา มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ผมรู้สึกได้ว่าเขาเปลี่ยนไป เขา(แทค)จะเป็นคนที่จะไม่ทำอะไรในทันที่เมื่อมีคนบอกให้ทำ เขาต้องแน่ใจก่อนว่าอะไรควรทำ แล้วเขาถึงจะทำมัน แล้วตอนนี้เขาสามารถตื่นตอน 7 โมงเช้าได้แล้วนะ (หัวเราะ)

แทคยอน : การตื่นเช้าไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมอีกต่อไปแล้วครับ แต่ว่าผมจะสามารถตื่นอยู่ได้ตลอดเวลาหรือเปล่านี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงนะ (หัวเราะ) คุณเป็นคนใจดีและมีความจริงใจให้กับทุกคน นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เปลี่ยน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเขามีความมั่นใจมากขึ้น และรู้ตัวว่าตัวเองว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และ ภาษาเกาหลีของเขาดีขึ้นครับ (หัวเราะ)
——————

Q: แทคเติบโตในอเมริกา มีลืมภาษาเกาหลีบ้างไหม?

แทคยอน : ก็มีบางครั้งที่ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ผมมีความเข้าใจแค่ระดับม.ต้นเท่านั้นเมื่อผมกลับมาที่เกาหลี มีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่มีปัญหามากเท่ากับคุณหรอกนะครับ (หัวเราะ)
—————–

Q: แล้วตอนนี้เรียนภาษาญี่ปุ่น?

นิชคุณ : เขาพูดได้ดีเลย แต่ผมยังอีกไกลครับ

แทคยอน : ก่อนที่พวกเราจะมาญี่ปุ่น ทุกคนเป็นห่วงกันมากว่า “ถ้าพวกเราพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ มันจะมีช่องว่างระหว่างพวกเรากับแฟนๆ” ดังนั้นพวกเราเลยเรียนภาษากันอย่างหนักแล้วก็ยังคงทำงานกันอย่างหนักอยู่
——————-

Q: ในระหว่างช่วงกิจกรรมโปรโมทในญี่ปุ่น มีปัญหาในงานการถ่ายแบบบ้างไหม?

แทคยอน : ไม่เชิงมีปัญหานะครับ แต่เพียงแค่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันเท่านั้น

นิชคุณ : ใช่ แค่วัฒนธรรมที่แตกต่าง

แทคยอน : ไม่ว่าจะเป็นเมืองไทย อเมริกา หรือญี่ปุ่น ต่างก็มีความแตกต่าง

นิชคุณ : ทุกที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ในอเมริกาจะสบายๆแต่ในเกาหลีจะมีความสำคัญกับละเอียดมากกว่า

แทคยอน : มันเป็นความรู้สึกของความละเอียดจริงๆ? เหมือนกับทุกรายละเอียดสำคัญมาก

นิชคุณ : พวกเราประหลาดใจมากเมื่อมาที่ญี่ปุ่น สิ่งที่ดีคือทุกอย่างตรงต่อเวลามาก และ ความกระตือรือร้นในการต้อนรับคนอื่น นอกเหนือจากนั้น ผมก็ได้รู้ว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนที่พิถีพิถันในรายละเอียดมาก (ยิ้ม)

แทคยอน : ใช่ มีความละเอียดในรายละเอียดเช่นกัน (ยิ้ม) ไม่ว่าจะวัฒนธรรมไหน ก็จะมีแนวทางของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ผมคิดนะ ไม่ว่าจะในเมืองไทย อเมริกา หรือ ญี่ปุ่น คุณจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างนั้นๆและปรับตัวได้เสมอ
——————

                                                                                                

ทัศนคติของพวกคุณเกี่ยวกับครอบครัว และความฝันของคุณเกี่ยวกับครอบครัวในอนาคต?

Q: ครอบครัวของพวกคุณได้ถูกรับเชิญให้ไปคอนเสิร์ตในแต่ละประเทศด้วย?

แทคยอน : ครอบครัวต้องมาก่อน

นิชคุณ : ครอบครัวคือแรงพลักดันให้ผมเดินหน้าต่อไปได้ 

แทคยอน : ครอบครัวของเมมเบอร์ทั้งหมดจะมารับประทานอาหารร่วมกันด้วยครับ

นิชคุณ : ใช่ครับ ครอบครัวของเขาก็จะช่วยเป็นล่ามให้กับครอบครัวของผมด้วยครับ (หัวเราะ) สิ่งที่พวกเราช่วยกันในรุ่นลูก ก็เกิดขึ้นในรุ่นพ่อแม่ด้วยเช่นกัน 
—————

Q: ครอบครัวแบบไหนที่พวกคุณคิดว่าอยากจะมี?

แทคยอน : โอ้..?! ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะเนี่ย (หัวเราะ) ขอคิดก่อนนะ (เขานิ่งไปชั่วขณะ) ครอบครัวของผมต้องมาก่อน ครอบครัวที่มีสมาชิกในครอบครัวเยอะๆ และครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่น้องนั้นดีมากๆเลยนะครับ ดังนั้น ถ้าผมมีครอบครัว ผมจะมีลูกหลายๆคน เราจะต้องมีความสุขในครอบครัวแน่นอน

นิชคุณ : เพราะว่าผมมีครอบครัวที่ใหญ่ ภรรยาผมคงจะต้องเกร็งแน่ๆ ถ้ารวมญาติทั้งหมดของผม ก็จะมีมากกว่า 50 คนเลยทีเดียว ที่จริงก็ค่อนข้างจะน่ากลัวนะครับ ภรรยาของผมต้องปรับตัวให้ยอมรับในจุดนี้ และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว 
—————–

Q: แล้วแทคยอนล่ะ?

นิชคุณ : ผมรู้สึกว่าแทคต้องการผู้หญิงที่จัดการตัวเองได้ดี เป็นแม่ที่ดี และ สามารถทำกับข้าวได้ ถึงแม้ว่าแทคจะทำอาหารได้ดีก็ตาม แล้วคนๆนี้ต้องสามารถดูแลแทคได้ดี ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ผ่าน เพราะอะไรหรอครับ? เพราะว่าเขาชอบกองๆของทิ้งไว้แล้วก็ไม่เก็บด้วย (หัวเราะ) ถึงแม้ว่าแทคจะมาเก็บกวาดทีหลังก็ตาม แต่ผมรู้สึกว่าถ้ามีใครสักคนที่สามารถดูแลเรื่องแบบนี้ได้ก็จะดีมากเลย
—————

Q: พวกคุณทั้งสองต่างเป็นนักแสดงด้วย นิชคุณเพิ่งแสดงภาพยนต์

นิชคุณ : ผมอยากทดลองงานทางด้านการแสดงมาตลอด ดังนั่น นี่ถึงเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากสำหรับผม แต่ทักษะทางการแสดงของผมนั้นยังอีกยาวไกล เนื่องจากตารางงานที่ยุ่งมาก ผมไม่มีโอกาสได้พบนักแสดงคนอื่นๆก่อนการถ่ายทำเลย ดังนั้น มันก็เลยเริ่มต้นแบบน่าอึดอัด เพราะนักแสดงที่เล่นกับผมนั้นเป็นรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ในการแสดง แต่การถ่ายทำก็ผ่านไปได้ด้วยดี และเมื่อผมเริ่มที่จะลื่นไหลไปกับการถ่ายทำ การถ่ายทำก็เสร็จสิ้นลงพอดี
—————

Q: แทคยอนแสดงในละครญี่ปุ่นเรื่อง “99 Days of Me and My Star”

แทคยอน : การเป็นนักแสดงคือสิ่งนึงที่ผมอยากจะทำในอนาคต ผมคาดหวังไว้ว่าอยากจะเล่นละครหรือภาพยนต์ทุกปี แต่ 2PM ก็ยุ่งมากในปี 2012 ที่ผ่านมา เลยทำตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ไม่ได้ 
—————-

Q: สิ่งที่แตกต่างระหว่างร้องเพลงกับการแสดง?

แทคยอน : สำหรับผม ผมว่าการร้องเพลงหรือการเต้น มันให้ความรู้สึกเหมือนกับศิลปินที่ต้องการข้ามขีดจำกัดของตัวเอง

นิชคุณ : ความรู้สึกที่ได้แสดงคอนเสิร์ตต่อหน้าคนนับพันนั้นสุดยอดมาก แต่ความปรารถนาจากการแสดงนั้น ทำให้ผมได้ค้นพบประสบการณ์ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป และหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ถึงแม้ว่าจะมีกล้องแค่ตัวเดียว แต่เราก็ยังไม่สามารถละทิ้งความเป็นตัวตนของตัวเองได้ จนกระทั่งถึงจุดๆนึงที่เราจะรู้สึกว่า ‘นี่แหล่ะ ใช่เลย’ หลังจากนั้น สิ่งที่ต้องทำก็คือ ปล่อยให้มันดำเนินไป
—————–

Q: 10 ปีจากนี้ไป?

นิชคุณ : อายุ 34 ปี ผมคงจะแต่งงานไปแล้ว?

แทคยอน : ผมรู้สึกว่าผมคงยังไม่ได้แต่งงาน เคยคิดว่าผมจะแต่งงานตอนอายุยังน้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว งานมันยุ่งเกินไป

นิชคุณ : ใช่

แทคยอน : การทำงานก๊น่าสนใจนะ
————–

Q: ตอนนี้พวกคุณทำงานเฉพาะในเอเชีย หรือ มีแผนจะไประดับโลก?

แทคยอน: ถ้าไปได้ระดับโลกคงจะดีมากเลย แต่เรายังคงต้องการจะโฟกัสไปที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน มันคงจะดีถ้าเราสามารถรวมวัฒนธรรมทั้งหลายเข้าไว้ด้วยกันได้ 

นิชคุณ : พวกเรามีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน
—————-

Q: 20 ปีจากนี้ไป? 

นิชคุณ : อายุ 44 ปี ถ้าตอนนั้นผมแต่งงานแล้ว ผมหวังว่าจะได้ใช้เวลากับครอบครัวและลูกๆ บางทีอาจจะดูแลกิจการร้านอาหารหรือร้านกาแฟสักแห่งนึง ผมรู้สึกว่าผมจะมีชีวิตที่มีความสุขมาก

แทคยอน : เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ไปถ่ายทำรายการที่แอฟริกากับคุณ ผมหวังว่าจะได้ทำโปรเจคพัฒนาชุมชนเช่นนี้ในต่างประเทศให้มากขึ้น
——————

                                                                               

ใส่ความเห็น